1
ระบบจัดการฐานข้อมูล
ระบบจัดการฐานข้อมูล (Database Management System) หรือที่เรียกว่า ดีบีเอ็มเอส (DBMS)
เป็นกลุ่มโปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในระบบติดต่อระหว่างผู้ใช้กับฐานข้อมูล
เพื่อจัดการและควบคุมความถูกต้อง ความซ้ำซ้อน และความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลต่างๆ
ภายในฐานข้อมูล ซึ่งต่างจากระบบแฟ้มข้อมูลที่หน้าที่เหล่านี้จะเป็นหน้าที่ของโปรแกรมเมอร์ ในการติดต่อกับข้อมูลในฐานข้อมูลไม่ว่าจะด้วยการใช้คำสั่งในกลุ่มดีเอ็มแอล (DML) หรือ ดีดีแอล (DDL) หรือจะด้วยโปรแกรมต่างๆ
ทุกคำสั่งที่ใช้กระทำกับข้อมูลจะถูกดีบีเอ็มเอสนำมาแปล (คอมไพล์)
เป็นการปฏิบัติการ (Operation) ต่างๆ
ภายใต้คำสั่งนั้นๆ เพื่อนำไปกระทำกับตัวข้อมูลภายในฐานข้อมูลต่อไป
สำหรับส่วนการทำงานตางๆ
ภายในดีบีเอ็มเอสที่ทำหน้าที่แปลคำสั่งไปเป็นการปฏิบัติการต่างๆ กับข้อมูลนั้น
ประกอบด้วยส่วนการปฏิบัติการดังนี้
หน้าที่ของระบบจัดการฐานข้อมูล
·
แปลงคำสั่งที่ใช้จัดการกับข้อมูลภายในฐานข้อมูล
ให้อยู่ในรูปแบบที่ฐานข้อมูลเข้าใจ
·
นำคำสั่งต่าง
ๆ ซึ่งได้รับการแปลแล้ว ไปสั่งให้ฐานข้อมูลทำงาน เช่น การเรียกใช้ (Retrieve) จัดเก็บ (Update)
ลบ (Delete) เพิ่มข้อมูล (Add) เป็นต้น
·
ป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับข้อมูลภายในฐานข้อมูล
โดยจะคอยตรวจสอบว่าคำสั่งใดที่สามารถทำงานได้ และคำสั่งใดที่ไม่สามารถทำงานได้
·
รักษาความสัมพันธ์ของข้อมูลภายในฐานข้อมูลให้มีความถูกต้องอยู่เสมอ
·
เก็บรายละเอียดต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลภายในฐานข้อมูลไว้ในพจนานุกรมข้อมูล (Data Dictionary) ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้มักจะถูกเรียกว่า
เมทาเดตา (MetaData)
ซึ่งหมายถึง "ข้อมูลของข้อมูล"
·
ควบคุมให้ฐานข้อมูลทำงานได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
·
ควบคุมสถานะภาพของคอมพิวเตอร์ในการแปลสถาพฐานข้อมูล
ส.ท
2
แนวคิดเกี่ยวกับฐานข้อมูล
1.
ฐานข้อมูลเป็นการจัดเก็บข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กันมาจัดเก็บในที่เดียวกันซึ่งแต่เดิมถูกจัดเก็บอยู่ในแต่ละแฟ้มข้อมูลเป็นระบบแฟ้มข้อมูลฐานข้อมูลมีความจำเป็นในการแก้ปัญหาต่างๆ
ที่เกิดขึ้นจากระบบแฟ้มข้อมูล ได้แก่ความซ้ำซ้อนของข้อมูล
ความขัดแย้งของข้อมูลความยากในการแก้ไขและบำรุงรักษาการผูกติดกับข้อมูล
การกระจายของข้อมูล และการใช้ประโยชน์จากข้อมูลลดลง
2.
ในงานฐานข้อมูลจำเป็นต้องเข้าใจหลักการฐานข้อมูลให้ถูกต้อง
ตรรกะ คือสิ่งที่โปรแกรมหรือผู้ใช้เห็น กายภาพเป็นสิ่งที่ระบบปฏิบัติการเห็น
ฐานข้อมูล คือที่เก็บรวบรวมข้อมูลและความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล สคีมา คือ
โครงสร้างฐานข้อมูลอินสแตนซ์ คือ เนื้อข้อมูล แบบจำลองข้อมูล
คือโครงสร้างข้อมูลระดับตรรกะที่นำเสนอข้อมูลและความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลให้ผู้ใช้เห็นเอนทิตี
คือ สิ่งที่เราสนใจเก็บข้อมูลเกี่ยวข้องด้วยแอตทริบิวต์ คือคุณลักษณะของเอนทิตี
3.
ระบบฐานข้อมูลมีองค์ประกอบที่สำคัญ คือ ฐานข้อมูล ระบบจัดการฐานข้อมูล
และบุคลากร โดยบุคลากรที่มีบทบาทสำคัญในการจัดการการบริหารฐานข้อมูล คือผู้บริหารฐานข้อมูล
4.
คุณลักษณะของระบบฐานข้อมูล
คือ มีความซ้ำซ้อนของข้อมูลน้อยสุดมีความถูกต้องของข้อมูลสูงสุด มีความปลอดภัยของข้อมูลสูงสุดมีความเป็นอิสระของข้อมูล
และมีการควบคุมจากศูนย์กลาง
แนวคิดเกี่ยวกับระบบจัดการฐานข้อมูล
1.
ระบบจัดการฐานข้อมูลหรือดีบีเอ็มเอส
คือ ซอฟต์แวร์ที่ใช้จัดการฐานข้อมูลทำหน้าที่เกี่ยวกับการนิยามข้อมูล
การจัดการข้อมูลการดูแลความปลอดภัยและความถูกต้องของข้อมูล
การฟื้นสภาพข้อมูลและควบคุมภาวะพร้อมกันการจัดทำพจนานุกรมข้อมูล
2.
ระบบจัดการฐานข้อมูลมีประโยชน์ต่อฐานข้อมูลดังนี้
คือ ความเป็นอิสระของข้อมูลความปลอดภัยของข้อมูล
การกำหนดสิทธิในการใช้ข้อมูลการฟื้นสภาพข้อมูลอัตโนมัติ
3
เมื่อระบบเกิดความเสียหายการดูแลผู้ใช้หลายคนให้สามารถทำงานพร้อมกัน
การใช้ข้อมูลร่วมกันและการควบคุมความถูกต้องของข้อมูล
3.
ระบบจัดการฐานข้อมูลมีส่วนประกอบที่สำคัญ
คือ ส่วนการจัดการฐานข้อมูลส่วนประมวลผลสอบถาม ส่วนแปลภาษานิยามข้อมูล
และส่วนรหัสออบเจกต์ของโปรแกรมประยุกต์
4.
ภาษาหลักที่ใช้ในระบบจัดการฐานข้อมูล
คือ
ภาษานิยามข้อมูลและภาษาจัดการข้อมูลภาษานิยามข้อมูลใช้สำหรับกำหนดโครงสร้างฐานข้อมูลภาษาจัดการข้อมูลใช้สำหรับสอบถามข้อมูลเพิ่มข้อมูล
ลบข้อมูลเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลที่อยู่ในฐานข้อมูลเกณฑ์หลักที่ใช้ในการจำแนกประเภทของระบบจัดการฐานข้อมูล
คือ แบบจำลองข้อมูล
5.
สถาปัตยกรรมไคลเอ็นต์เซอร์ฟเวอร์มี
2 ส่วนที่สำคัญ
คือเซอร์ฟเวอร์หรือแบ็กเอนด์หรือเครื่องให้บริการและไคลเอ็นต์หรือฟรอนเอนด์หรือเครื่องใช้บริการโดยเครื่องให้บริการฐานข้อมูลจะต้องมีระบบจัดการฐานข้อมูลอยู่ที่เครื่องเซอร์ฟเวอร์การใช้งานฐานข้อมูลแบบไคลเอ็นต์เซอร์ฟเวอร์มี
3 ลักษณะ คือไคล์เอ็นต์เซอร์ฟเวอร์แบบเอสคิวแอล
ไคลเอ็นต์เซอร์ฟเวอร์แบบเมสเซสและไคลเอ็นต์เซอร์ฟเวอร์แบบ 3 ระดับชั้น
แนวคิดเกี่ยวกับโครงสร้างฐานข้อมูล
1.
โครงสร้างฐานข้อมูลหรือสถาปัตยกรรมฐานข้อมูลแบ่งเป็น
3 ระดับ คือ ระดับภายนอกระดับแนวคิด และระดับภายใน
การแบ่งโครงสร้างฐานข้อมูลออกเป็น 3 ระดับนี้ทำให้เกิดความเป็นอิสระของข้อมูล
2.
โครงสร้างฐานข้อมูลระดับภายนอกเป็นระดับการมองข้อมูลภายในฐานข้อมูลสำหรับผู้ใช้แต่ละคนโครงสร้างฐานข้อมูลระดับแนวคิดเป็นระดับของการออกแบบฐานข้อมูลโครงสร้างฐานข้อมูลระดับภายในเป็นระดับของการจัดเก็บข้อมูลในหน่วยเก็บข้อมูลจริงๆ
3.
ความเป็นอิสระของข้อมูล
หมายถึงเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขโครงสร้างข้อมูลในระดับภายในหรือระดับแนวคิดจะไม่มีผลกระทบต่อโปรแกรมที่ผู้ใช้ใช้งานอยู่ในระดับภายนอก
4
4.
การแปลงรูปเป็นการเชื่อมมุมมองจากสถาปัตยกรรมในระดับที่สูงกว่าไปยังระดับที่ต่ำกว่าการเชื่อมมุมมองระหว่างระดับภายนอกกับระดับแนวคิดเพื่อให้ผู้ใช้ฐานข้อมูลมีมุมมองข้อมูลที่แตกต่างกันได้การเชื่อมมุมมองระหว่างระดับแนวคิดกับระดับภายในเพื่อนำโครงสร้างของข้อมูลที่กำหนดในระดับแนวคิดมากำหนดโครงสร้างของเรคอร์ดและฟิลด์ที่จะนำไปจัดเก็บการแปลงรูปทำโดยระบบจัดการฐานข้อมูลหรือดีบีเอ็มเอส
แบบจำลองข้อมูล
1.
แบบจำลองข้อมูล
คือโครงสร้างข้อมูลระดับตรรกะที่นำเสนอข้อมูลและความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลให้ผู้ใช้เห็นและเข้าใจได้
2.
แบบจำลองข้อมูลแบบสัมพันธ์นำเสนอในรูปตารางมีการเชื่อมโยงข้อมูลถึงกันโดยใช้ค่าของคีย์
มีภาษที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นแบบจำลองที่นิยมใช้กันมากที่สุดในปัจจุบัน
3.
แบบจำลองข้อมูลแบบไฮราคีนำเสนอในรูปของโครงสร้างต้นไม้มีความสัมพันธ์ของเรคอร์ดในฐานข้อมูลแบบพาเรนต์-ไชลด์เป็นแบบหนึ่งต่อหลายสร้างความสัมพันธ์ด้วยการใช้ตัวชี้
4.
แบบจำลองข้อมูลแบบเครือข่ายนำเสนอในรูปมัลติลิสต์มีความสัมพันธ์ของเรคอร์ดในฐานข้อมูลแบบพาเรนต์-ไชลด์เป็นแบบหนึ่งต่อหลายแบบจำกัดมีการเชื่อมโยงเซตของเรคอร์ดด้วยตัวชี้สามารถแก้ปัญหาความสัมพันธ์แบบหลายต่อหลายได้
5
รายชื่อระบบจัดการฐานข้อมูล
ระบบจัดการฐานข้อมูลที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน
·
แคเช่
(Cache')
·
Progress
·
Firebird
·
Pervasive SQL
·
แซพ
ดีบี (SAP DB)
·
โลตัส
(Lotus)
·
พาราดอกซ์
(Paradox)
·
(FoxPro)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น